วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review พ่อรวยสอนลูก#2 เงินสี่ด้าน



ชื่อ พ่อรวยสอนลูก#2 เงินสี่ด้าน
โดย Robert T. Kiyosaki
เรียบเรียงโดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์, โอฬาร ภัทรกอบกิตติ์, ชัชวนันท์ สันธเดช, สุภศักดิ์ จุลละศร
สำนักพิมพ์ ซีเอ็ด
ราคา 225 บาท
จำนวน 370 หน้า

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า...
* ทำไมนักลงทุนบางคนทำเงินได้โดยมีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่แค่เท่าทุนได้ก็เหนื่อยแล้ว
* ทำไมคนเป็นลูกจ้างส่วนใหญ่ถึงย้ายงานไปเรื่อย ๆ ในขณะที่คนบางคนลาออกจากงานแล้วสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง
* การเปลี่ยนผ่านจากยุคอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร มีความหมายต่อฉันและครอบครัวของฉันอย่างไรบ้าง


             เล่ม 2 ของพ่อรวยสอนลูก จะพูดถึงเงิน 4 ด้าน รายได้ 4 แบบ จากภาพข้างบนเลยจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่อยู่ฝั่งซ้าย แถมยังเป็น E (พลอยเองก็อยู่ด้านนี้) ถ้าอยากมีอิสรภาพทางการเงินต้องก้าวข้ามมาอยู่ฝั่งขวา

            ในเล่มนี้นอกจากพูดถึงที่มาของรายได้ทั้ง 4 แบบแล้วจะเน้นไปที่กระแสเงินสดของแบบต่าง ๆ ให้เราได้มองเห็นภาพกันมากขึ้น

              ทางฝั่งซ้าย เมื่อได้เงินมาก็เอาไปใช้หนี้ ที่เหลือก็จ่ายออกไปหมด ฝั่งขวา เงินที่ได้มาเอามาสร้างทรัพย์สิน และทรัพย์สินนั้นก็สร้างเงินให้กับเรา

              หนังสือได้บอกวิธีการข้ามมาอยู่ฝั่งขวา การเป็น B และ I ขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วละว่าเมื่ออ่านจบจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้แต่งต้องการสื่อจริง ๆ หรือไม่ และเมื่อเข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติหรือเปล่า

             จะเห็นว่าในบทความที่แล้วพลอยก็เน้นเรื่องความเข้าใจและการลงมือปฏิบัติ ใคร ๆ ก็อยากรวย พลอยเองก็อยาก แต่ไม่มีอาชีพใดบนโลกนี้ง่าย ถ้าคุณคิดว่ามีเงินสักก้อน เอาไปลงทุนสักอย่างแล้วก็ปล่อยให้เงินมันทำงาน รอเฉย ๆ เราก็ได้เงินคืนเป็นเท่าตัว คุณอาจตกลงไปในกับดับของคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน"

             อย่างที่เล่ม 1 ของพ่อรวยสอนลูกได้บอกไว้ สิ่งที่สำคัญคือความรู้ หากเราไม่มีความรู้ในสิ่งที่เราทำ สุดท้ายเราเองก็จะหมดตัวได้ 

             ยิ่งในช่วงหลายปีมานี้มีธุรกิจหลายอย่างที่หลอกให้คนเอาเงินไปลงทุนเรายิ่งต้องหาความรู้ให้มาก ๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนไม่ดีเหล่านั้น

             คำว่าอิสรภาพทางการเงิน หมายถึงเราหยุดทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ และทำในสิ่งที่อยากทำได้ ตัวอย่างง่าย ๆ "เอเป็นคนชอบวาดรูป อยากมีแกลลอรี่เป็นของตัวเอง แต่มันมีเงินพอ และวาดรูปขายก็ไม่พอกิน เอจึงต้องไปเป็นพนักงานบริษัท เอไม่ชอบเลยแต่เอก็อดทนเก็บเงินและศึกษาเกี่ยวกับการลงทุน แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนจนมีรายได้มากกว่ารายจ่าย เอจึงลาออกจากงานและมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกินอีกต่อไป"

             เห็นไหมคะ เอไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขายังคงทำงานแม้มีเงินมากพอแล้ว เขาไม่ได้ลงทุนโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ลงทุนนั้นคืออะไร เป็นอย่างไร

            สุดท้ายคือการลงมือปฏิบัติ หากอ่านแล้วเข้าใจแล้ว แต่ไม่ทำ คุณก็คงไม่มีวันไปเป็น B หรือ I ได้อย่างแน่นอน 

            ถ้าคุณพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นสร้างโลกแห่งอิสรภาพทางการเงินของตัวเอง หนังสือเล่มนี้ให้คำตอบคุณได้

1 ความคิดเห็น: