สวัสดีค่ะ ยังอยู่กันต่อกับภาษาอังกฤษนะคะ เริ่มจากอะไรง่าย ๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ เรื่องที่จะเล่าในวันนี้คือ Verb คำกริยา ซึ่งแบ่งได้ 2 ชนิด คือ กริยาแท้ และกริยาไม่แท้
กริยาแท้ คือ กริยาหลัก ๆ ที่สามารถใช้ได้เลย ตัวของมันเองบอกอยู่แล้วว่าเป็นการแสดงออกแบบไหน เช่น Call, Eat, Run, Cry, Cut เป็นต้น และกริยาแท้ยังแบ่งประเภทย่อยออกไปอีก ซึ่งเราจะพูดถึงในภายหลัง
กริยาช่วย คือ กริยาที่ไม่อาจแปลตรงตัวได้ ทำหน้าที่ช่วยเสริมกริยาตัวอื่น มีทั้งหมด 24 ตัว แต่ในวันนี้เราจะพูดถึงแค่ 3 ตัวเท่านั้น
รูปปัจจุบันของ Verb to be คือ be, is, am, are แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึง be
อิส, แอม, อาร์ (คำอ่าน) ซึ่งทั้ง 3 คำนี้มีความหมายว่า เป็น, อยู่, คือ
ในแต่ละตัวจะใช้กับประธานที่แตกต่างกัน
Is ใช้กับประธานเอกพจน์ เช่น He, She, It และ
คำนามเอกพจน์ เช่น A Dog, A Cat
Am ใช้กับประธาน I เท่านั้น
Are ใช้กับประธานพหูพจน์ เช่น You, We They และ
คำนามพหูพจน์ เช่น Cars, Dogs
และนั่นก็คือรูปแบบของประโยคบอกเล่าทั้งแบบเต็ม และแบบย่อค่ะ
ต่อไปเป็นรูปแบบของประโยคปฏิเสธค่ะ
จบไปแล้วสำหรับรูปแบบ มาดูตัวอย่างของทั้งสองแบบกันค่ะ
- I am a student.
- I’m 22 years old.
- My name is Ploy.
- My brother is very tall.
- She’s my lover.
- I’m not a man.
ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ ยังมีตัวอย่างอีกมาก แต่ไม่อยากให้สนใจกับมันนัก หากเราเข้าใจหลักการใช้ และรูปแบบของประโยคดีแล้ว ไม่ว่าจะเจอกับประโยคแบบไหนเราย่อมสามารถใช้งานมันได้แน่นอนค่ะ
สุดท้ายค่ะ การใช้ is ยังใช้ได้กับ this, that, there, here ได้อีกด้วย เช่น
This is a book. (นี่คือหนังสือ)
That’s a pen. (นั่นคือปากกา)
Here’s your key. (นี่กุญแจของคุณ)
ที่สังเกตได้นั่นคือทั้งสามคำจะมีความหมายว่า เป็น,อยู่,คือ เช่น
Kanda is Thai. (กานดาเป็นคนไทย)
Siri is home. (ศิริอยู่บ้าน)
My favorite color is blue. (สีที่ฉันชอบคือสีฟ้า)
และในบางครั้งก็ไม่มีความหมายเลย เช่น We are tired. (เราเหนื่อย)
เพลงน่ารัก ๆ เรื่องการใช้ is / am / are ค่ะ
เตรียมความพร้อมแล้วอย่าลืมเอาไปลองของจริงกันด้วยนะคะจะได้ไม่ลืม
แบบฝึกหัด เข้าไปลองทำกันด้วยนะคะ ยิ่งฝึกเยอะ ๆ ยิ่งเก่งค่ะ https://goo.gl/forms/s4FoY1FccTpCuZP43
แบบฝึกหัด เข้าไปลองทำกันด้วยนะคะ ยิ่งฝึกเยอะ ๆ ยิ่งเก่งค่ะ https://goo.gl/forms/s4FoY1FccTpCuZP43
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น