เริ่มต้นหัวเรื่องมาออกแนวไสยศาสตร์เลย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์นะคะ เป็นเรื่องของความเชื่อล้วน ๆ เชื่อในทุกสิ่ง ตัวอย่างเช่น
- A เป็นชาวนา นายกC มีนโยบายช่วยเหลือชาวนา เอได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ส่วน B เป็นชาวนาที่เสียประโยชน์จากโครงการนี้
A บอกว่าโครงการนี้ดี แต่ B บอกว่าไม่ดี
- A เป็นนักลงทุน ลงทุนในหุ้นและได้กำไรมากมาย B เป็นนักลงทุนเช่นกัน และขาดทุนจากการเล่นหุ้นจนแทบหมดตัว
A บอกว่าหุ้นไม่เสี่ยง แต่ B บอกว่าหุ้นเสี่ยง
- A ลาออกจากงานไปทำธุรกิจส่วนตัวแล้วประสบผลสำเร็จ ส่วน B ลาออกไปทำธุรกิจ แล้วเจ๊ง จนต้องกลับไปทำงานที่เดิม
A แนะนำให้เพื่อน ๆ ลาออก แต่ B จะห้ามเมื่อเพื่อนคิดจะลาออก
- A แต่งงานกับสาวเหนือ และมีคู่ชีวิตที่ดี B แต่งงานกับสาวเหนือ แต่ได้คู่ชีวิตที่ไม่ดี
A จะบอกใคร ๆ ว่าสาวเหนือเป็นคนน่ารัก ส่วน B จะบอกว่าสาวเหนือมีแต่ชอบหลอก และไม่สนับสนุนให้เพื่อนแต่งงานกับสาวเหนือ
- A ทานยาลดน้ำหนักยี่ห้อหนึ่งแล้วได้ผล B ทานยี่ห้อเดียวกับ A แต่ไม่ได้ผล
A จะแนะนำให้ใครที่ต้องการลดทานยานี้ ส่วน B จะห้ามไม่ให้คนอื่น ๆ กิน
- A เชื่อว่าศาสนาของตนไม่อาจให้คำตอบที่ต้องการได้ และเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นที่ให้คำตอบในชีวิตเขาได้ B ลองเปลื่นศาสนาแล้ว และพบว่าศาสนาเดิมนั้นดีอยู่แล้ว
A จะแนะนำคนที่ยังหาคำตอบในชีวิตไม่พบเปลี่ยนศาสนา ส่วน B จะบอกทุกคนว่าศาสนาที่ตนนับถือนั้นดีที่สุด
พวกคุณจะเห็นว่า ความคิดของ A และ B คือความเชื่อ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์จริง ส่วนบุคคล และพวกเขาพยายามแนะนำความเชื่อนี้ของตัวเองให้ผู้อื่น
ถ้าแค่บอกเล่าธรรมดาก็ไม่เป็นอะไร แต่คนเหล่านี้จะยัดเยียดสิ่งที่เขาคิดให้เราคิดเหมือนกับเขา เราจะพบข่าวสารที่เป็นความเชื่อนี้กับทุกสิ่งในชีวิตของเรา มันเยอะมาก ๆ จนเราก็ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีและเชื่อตามในทันทีทันใด
การยัดเยียดความเชื่อ เป็นเพียงสิ่งที่น่ารำคาญเล็ก ๆ ในชีวิตของเราเท่านั้น แต่สิ่งที่รับไม่ได้จริง ๆ นั่นคือการไม่เคารพความคิดของกันและกัน ไม่ให้เกียรติกัน
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันจะมีการประนามคนที่คิดไม่เหมือนกันออกสื่อมากขึ้น ถ้าแกไม่คิดเหมือนฉัน แกมันโง่ ต่างฝ่ายก็ต่างด่ากันว่าโง่ สรุปนะ พวกคุณทั้งสองฝ่ายนั่นแหละที่โง่
ลองคิดดูสักนิดนะ ถ้าพี่น้องไรต์เชื่อเหมือนคนอื่น ๆ ว่ามนุษย์บินไม่ได้ โดนมนุษย์ตามย่อหน้าข้างบนด่าว่าแล้วท้อแท้ ล้มเลิก ป่านนี้พวกเราไม่มีเครื่องบินใช้กันแล้ว
"ความเคารพ คือ อะไร ?
ความเคารพ หมายถึง ความตระหนัก ซาบซึ้ง รู้ถึงคุณความดีที่มี อยู่จริงของบุคคลอื่น ยอมรับนับถือความดีของเขาด้วยใจจริง แล้วแสดงความนับถือต่อผู้นั้นด้วยการแสดงความอ่อนน้อม อ่อนโยน อย่างเหมาะสม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
วัตถุทั้งหลายในโลก ต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน ถ้าใครทราบคุณสมบัติเหล่านั้นตามความเป็นจริง ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก เช่น นักวิทยาศาสตร์รู้คุณสมบัติของแม่เหล็ก ก็นำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ รู้คุณสมบัติของแร่เรเดียม ก็นำไปใช้รักษาโรคมะเร็งได้
แต่การที่จะรู้คุณสมบัติตามความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ นั้น ทำได้ยากมากเป็นวิสัยของนักปราชญ์ ของผู้มีปัญญาเท่านั้น
เช่นกัน คนทั้งหลายในโลกต่างก็มีคุณความดีในตัวต่างๆ กันไป มาก บ้างน้อยบ้างไม่เท่ากัน ผู้ใดทราบถึงคุณความดีของบุคคลทั้งหลายได้ตามความเป็นจริง ก็จะเป็นประโยชน์ ทำให้มีโอกาสที่จะถ่ายทอดคุณความดีนั้นๆ จาก ผู้อื่นมาสู่ตนเอง แต่การที่จะสามารถรู้เห็นถึงคุณความดีของผู้อื่นก็ทำได้ยาก ยิ่งกว่าการรู้คุณสมบัติของวัตถุต่างๆ เพราะมีกิเลสมาบังใจ เช่น มีความคิดลบหลู่คุณท่านบ้าง ความไม่ใส่ใจบ้าง ความทะนงตัวบ้าง ทำให้มองคนอื่นกี่คนๆ ก็ไม่เห็นมีใครดี คนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี คนไหนก็ไม่ดี ไม่เห็นมีใครดีสักคน ถ้าจะมีก็เห็นจะมีอยู่คนเดียว...ใคร? ตัวเอง
คนพวกนี้เป็นพวกตาไม่มีแวว คือตาก็ใสๆ ดี แต่ไม่เห็นเพราะขาดความสังเกต มองคุณความดีของคนอื่นไม่ออก เมื่อมองความดีของเขาไม่ออก ก็ไม่สนใจที่จะถ่ายทอดเอาความดีของเขาเข้ามาสู่ตัวเอง
ดังนั้น คนที่มีปัญญามากจนกระทั่งตระหนักในคุณความดีของผู้อื่น จึงจัดเป็นคนพิเศษจริงๆ เพราะใจของเขาได้ยกสูงขึ้นแล้ว พ้นจากความถือตัวต่างๆ เปิดกว้างพร้อมที่จะรองรับความดีจากผู้อื่นเข้าสู่ตน คนชนิดนี้คือ คนที่มีความเคารพ"
ที่มา : หนังสือมงคลชีวิตบทที่ 22
มนุษย์อีกพวกที่น่ารังเกียจพอ ๆ กับพวกแรก คือพวกที่พร้อมจะเหยียบเราให้จมดินเมื่อเราล้ม สมมุติว่าคุณลาออกจากงานประจำ ไปทำอาชีพอิสระ และมันขาดทุนจนหมดสิ้น เพื่อนของคุณจะคอยปลอบใจ และหาทางช่วยเหลือ เขาอาจแนะนำให้คุณกลับมาทำงานที่เดิมก่อน แต่ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจจริง ๆ เขาอาจช่วยแนะนำคอร์สเรียนเพิ่มทักษะ หรือคนที่จะช่วยคุณได้
แต่คุณอาจพบว่ามีเพื่อนบางคน พูดกับคุณว่า "ฉันบอกเธอแล้ว เป็นไงละ การลงทุนมันเสี่ยง เธอก็ไม่เชื่อ" และถ้าคุณยังยืนยันว่าจะทำอยู่เหมือนเดิม คนพวกนี้จะนินทาคุณลับหลัง และจะคอยรอดูความล้มเหลวของคุณอย่างสะใจ!!!
พวกเขารู้ดีว่าเหรียญมี 2 ด้าน ทุกอย่างในโลกมีทั้งดีและเสียทั้งนั้น ลงทุนก็มีได้และเสีย มีทั้งคนที่รวย และคนที่จน แต่คนพวกนี้ไม่ต้องการให้คุณรวย!!! เขาไม่ต้องการเห็นคุณมีชีวิตที่ดีกว่าเขา เขาอยากเห็นความล้มเหลว และแสร้งทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีคอยปลอบและให้คำปรึกษาคุณ เพราะมันทำให้พวกเขาดูฉลาดขึ้นมาทันที และคุณดูโง่ทันทีไงละ!!
ข้อเตือนใจ
ดังได้กล่าวแล้วว่า ความเคารพ คือการตระหนักในความดีของคนอื่นและสิ่งอื่น ซึ่งผู้ที่จะตระหนักในความดีของคนอื่นและสิ่งอื่นได้ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งเป็นทุนอยู่ในใจก่อนคือมีปัญญา ความรู้จักผิดชอบชั่วดีพอสมควร
และเมื่อเราแสดงความเคารพออกไปแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งก็จะรู้ทันทีว่า “อ้อ !คนนี้เขามีคุณธรรมสูง มีความเคารพและมีแววปัญญา” เขาก็เกิดความตระหนักในความดีของเรา และแสดงกิริยาเคารพต่อเราที่เรียกว่า รับเคารพ
แต่ถ้าผู้ใด เมื่อมีคนมาแสดงความเคารพแล้วเฉยเสีย ไม่แสดงความเคารพตอบ ผู้นั้นจัดเป็นคนน่าตำหนิอย่างยิ่ง เพราะการเฉยเสียนั้นเท่ากับบอกให้ชาวโลกรู้ว่า “ตัวข้านี้ แสนจะโง่เง่าหามีปัญญาพอที่จะเห็นคุณความดีในตัวท่านไม่” เท่านั้นเอง
คนที่ไม่อยากแสดงความเคารพคนอื่น หรือเมินเฉยต่อการเคารพตอบ มักเป็นเพราะเข้าใจว่าการแสดงกิริยาเคารพออกมานั้น เป็นการลดสง่าราศรีของตนแล้วเอาไปเพิ่มให้แก่คนอื่น เลยเกิดความเสียดายเกรงว่าตัวเองจะไม่ใหญ่โต หรือเกรงว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าตัวเองใหญ่โต นั้นเป็นการคิดผิดอย่างยิ่ง
ที่มา มงคลชีวิตบทที่ 22
มันไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด แค่คุณเคารพความคิดเห็นของกันและกัน แค่นั้นคุณก็เป็นผู้ที่มีปัญญาแล้ว
----------------------------------------------------
ฝากไว้เป็นข้อคิดนะคะ ใครเจอคนที่ยัดเยียดความเชื่อเรื่องอะไรบ้าง แชร์ประสบการณ์กันได้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น